เรื่อง: <รีวิว> สัมภาษณ์กรีนการ์ด
จากที่เคยอ้างอิงไว้
กลับมารีวิวกันให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ เอ้ย...เป็นวิทยาธร เอ้ย...เป็นวิทยาทานครับ
สำหรับการสัมภาษณ์ถือครองบัตรพำนักถาวร (กรีนการ์ด) สำหรับคู่สมรสของพลเมืองอเมริกัน
ถ้าจะให้กล่าวย้อนกลับไปจริง ๆ ก็ต้องย้อนไปถึงขั้นตอนของการเริ่มขอวีซ่า
อั่นแน่... ขออนุญาตไปค้นในโพสต์ของพันทิพ นะครับ
ผมโพสต์ไว้มีระบุไทม์ไลน์กันชัดเจน จนได้ทำความรู้จักกับคนในสังคมออนไลน์
ได้พี่สาวและน้องสาว อย่างละหนึ่งคน ตลกตรงที่ว่าน้องกะเทยสาว ไม่เคยเจอกันเลย
คิดดูสหรัฐอเมริกา กว้างใหญ่ไพศาลมาก น้องคนนี้ชื่อเบล อยู่รัฐวอชิงตันเหมือนกัน
แต่ไม่เคยเจอหน้าคร่าตากันเลย เดี๋ยวได้เวลาประจวบเหมาะ ขอป๊ะ ปาร์ตี้กับนางสักคืน ดูเหมือนว่านางจะชอบออกเที่ยวกลางคืน สังสรรค์กับกลุ่มกะเทยสาวในเมืองซีแอทเติล เสียเหลือเกิน (อ้างอิงจากเฟซบุ๊ค) ฮ่า ๆ ส่วนพี่สาวที่น่ารัก ชื่อพี่นิท นางนี้ต้องลงหลักปักฐานที่รัฐฟลอริดา ดีหน่อยเคยเจอตัวเป็น ๆ ป๊ะนาง กับปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านปทุมธานี วาระนั้น ไปขอความรู้และคำแนะนำดี ๆ สำหรับเพิ่มความมั่นใจสำหรับการเตรียมสัมภาษณ์วีซ่า
![]() |
| น้องเบล กับสามีของนาง |
แต่ไม่เคยเจอหน้าคร่าตากันเลย เดี๋ยวได้เวลาประจวบเหมาะ ขอป๊ะ ปาร์ตี้กับนางสักคืน ดูเหมือนว่านางจะชอบออกเที่ยวกลางคืน สังสรรค์กับกลุ่มกะเทยสาวในเมืองซีแอทเติล เสียเหลือเกิน (อ้างอิงจากเฟซบุ๊ค) ฮ่า ๆ ส่วนพี่สาวที่น่ารัก ชื่อพี่นิท นางนี้ต้องลงหลักปักฐานที่รัฐฟลอริดา ดีหน่อยเคยเจอตัวเป็น ๆ ป๊ะนาง กับปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านปทุมธานี วาระนั้น ไปขอความรู้และคำแนะนำดี ๆ สำหรับเพิ่มความมั่นใจสำหรับการเตรียมสัมภาษณ์วีซ่า
![]() |
| พี่นิท กับสามี |
จริงอย่างที่หลายคนเคยโพสต์ไว้บนเว็บพันทิพครับ
ถ้าผ่านการสัมภาษณ์วีซ่าไปได้ ทุกอย่างก็ง่ายไปเสียหมด แต่ทำไม๊ทำไม
เฮ้อ...หวังว่าทางการจะไม่ไล่ออกนอกประเทศเสียก่อน
ตายห่าแหล่ะ...ถ้ามีหวังต้องออกประเทศเพราะการดำเนินเรื่องตกหล่น จะเอาหน้าไปไว้ไหน
คิดแล้วก็อดทนรอให้ถึงวันจันทร์หน้าไม่ไหว ต้องส่งหนังสือออนไลน์ทวงถามหน่อยหล่ะ
นานเกิ๊น กะอีแค่การขอเอกสารเพิ่มเติมสำหรับกรีนการ์ด ที่จริงไม่ใช่คนใจร้อนนะครับ
แต่อยากให้อยู่ในช่วงจังหวะเวลาที่พอเหมาะพอควร
ไม่อยากให้เกินหนึ่งปีหลังจากตั้งหลักปักฐาน ดำเนินชีวิตในดินแดนแห่งเสรีภาพ
หลังจากได้จดหมายนัดวันสัมภาษณ์
ออ... เหมือนว่าสหรัฐอเมริกา จะมีระบบการติดต่อสื่อสาร ที่ทันสมัย อย่าคิดกันไปยกใหญ่นะครับ
ว่าทุกอย่างต้องไฮเทค ยังไง๊ยังไง การส่งจดหมายที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ก็ยังใช้การติดต่อผ่านไปรษณีย์อยู่นั่นเอง จะว่าไปบ้านก็ไม่ได้อยู่นอกเมืองมากเกินไป
แต่สัญญาณโทรศัพท์มือถือมีแค่ขีดเดียว ในบางจุด อย่างในบ้าน ไม่มีสัญญาณครับ
จึงเป็นที่มาของฉายาที่ให้กับบ้านหลังนี้ คือเป็นสถานกรรมฐาน ตัดขาดจากโรคสัญญาณมือถือ
จดหมายมาก่อนล่วงหน้าสองเดือนเห็นจะได้
หลังจากได้จดหมายก็เตรียมตัว เตรียมเอกสารมากมาย เข้าอินเตอร์เน็ต
ปริ้นท์หน้าเอกสารออกมา จัดเรียง หาข้อมูลต่าง ๆ ที่จริงหาไว้บ้างแล้วบางส่วน
เอาจัดเข้าแฟ้มเตรียมรอไว้นานมากพอสมควร คือทิ้งช่วงไว้นาน ไม่ได้เร่งรีบ
ดำเนินการแบบหัวชนท้าย แต่ค่อย ๆ เดินเรื่องไป พร้อมกับการส่งเอกสารทีละขั้น
ไม่ใช่ถ่วงเวลาอะไรหรอกนะครับ แต่เป็นสไตล์แบบศิลปินกันทั้งบ้าน
ทุกกิจกรรมจะต้องมีธีม มีวาระกำหนด มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
เดี๋ยวมารีวิวการเตรียมเอกสาร
ให้ฟังกันอีกที อันแน่... ให้สัญญากันไว้อีกแล้ว (อย่าลืมทวงกันนะ
ช่วงหลังยิ่งขี้ลืมง่ายอยู่ด้วย)
ก่อนวันสัมภาษณ์ใช้เวลาเตรียมเอกสาร
ออกไปปริ้นท์หน้ากระดาษฟรีที่ห้องสมุด เข้าเล่มสำเนา
ชุดเอกสารที่ใช้ประกอบการสัมภาษณ์ อ่านข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ visajourney ถ้าใครสนใจเพิ่มเติม
อ่านศึกษาจากเว็บนี้ได้นะครับ แนะนำ ๆ เพราะให้ข้อมูล มีตัวอย่าง และการกรอกเอกสาร
เนื้อหาแน่น มาอยู่เมกา ลืมพันทิพเว็บกระทู้ เมื่อตอนอยู่ไทย ติดมาก
ต้องเข้าทุกวัน พอมาอยู่นี่ ปรับใหม่
ถ้าเรื่องการดำเนินการด้านพลเมืองต้องยกนิ้วให้เขาหล่ะ ตัวพ่อจริงไรจริง
เรื่องที่สำคัญก่อนสัมภาษณ์ต้องดำเนินการให้หมดจดคือการจดหุ้นส่วนชีวิต
ไอ้เรื่องการแต่งงาน อย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น ในใบสมรสระบุชัดเจนอยู่แล้ว
ได้รับการรับรองถูกต้อง มีสิทธิ์มีเสียงเทียบเท่าเสมอกัน
แต่เรื่องของการถือครองทรัพย์สิน ในใจแอบคิดอยู่ลึก ๆ
ว่าแหม...ก็สามารถเป็นคนซื้อบ้านและที่ดินไว้ อาจจะไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่าง เคยคุยกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว
เพราะว่าเรื่องของภาษีที่ดินที่ต้องชำระประจำปี จะต้องเพิ่มสูงขึ้น
เมื่อมีการถือครองร่วมกับคู่สมรส ก่อนหน้าจะไปเดินเรื่อง
(เดี๋ยวมารีวิวให้ฟังอีกเช่นกัน) ไปเที่ยวกับเฉิบ สบายอุรา ได้ตัวเรา
ไม่ชอบการดราม่าอยู่แล้ว ข้อมูลที่ปริ้นท์ออกมาก็ระบุกันชัดเจนว่า “น่าจะ”
ไม่ใช่ว่าต้องดำเนินการนะครับ เพราะมันมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในกรณีที่อยู่ ๆ มีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น
พอหลังจากเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยว
ฝ่ายสามี จิตใจเบิกบาน และเห็นแล้วว่าเราไม่ย้ำนักย้ำหนา คงไม่คิดว่าเราจะฮุบสมบัติกระมัง
วันรุ่งขึ้นนางบอก ไปดำเนินแจ้งประสงค์ถือครองเอกสารสิทธิ์บ้านและที่ดินร่วม
ให้สองชื่อปรากฎบนหนังสือสำคัญ นอกจากนั้น
ยังเพิ่มชื่อเข้าไปในบัญชีเจ้าของรถอีกด้วย สองสิ่งทำในสำนักงานอาคารเดียวกัน
แต่คนละฝั่งของตึก
กลับมาที่การรีวิวการสัมภาษณ์กรีนการ์ดครับ
วางแผนออกเดินทางจากบ้าน ฉันเป็นคนขับรถให้
เพราะอ้างว่าเคยมาแล้วหนึ่งครั้งตอนมาปั๊มลายนิ้วมือ
ลงรหัสบ่งชี้เอกลักษณ์ทางพันธุกรรม มั่นใจมาก มองกูเกิลแม็ปแว่บเดียว
ต้องไม่หลงทางแน่นอน
พอเอาเข้าจริง
หลงทางครับ...ดีนะ ฝ่ายสามีไม่โมโหเกรี้ยวกราด เหมือนที่เคยเป็น
แต่แอบกระหยิ่มในใจ อาจจะสมน้ำหน้าเราลึก ๆ ก็เป็นได้
ขับรถวนอยู่บนเส้นทางที่ปริ้นท์เอกสารออกมา อยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง นานมาก ๆ
ดีนะเผื่อเวลาไว้เยอะ ขับรถออกจากบ้านถึงโซนสนามบินในซีแอทเติล
ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า ๆ สุดท้าย ต้องจอดแวะให้สามีลงไปถามทาง อารมณ์นั้นปวดฉี่มาก
ไม่ไหวแล้ว ยืนแม่งข้างทาง เก็บดอกไม้สบายใจจริง ดีที่อากาศไม่หนาวไม่ร้อนมาก
ถามทางพอรู้เรื่อง ตั้งหลักใหม่ซิครับ
พอไปถึงอีกแยก
เหมือนจะใช่ พอหักเลี้ยวซ้าย ซึ่งปรกติเวลาขับรถจะเลี้ยวซ้ายในเมกา
จะต้องระมัดระวังอยู่สักหน่อย ดีนะ วันนั้นจราจรไม่หนาแน่น
...มองไปข้างหน้าเป็นแม่น้ำ มีเขื่อนกั้นเล็ก ๆ อ่านชื่อถนน ไม่น่าจะใช่
หักหลบเข้าข้างทาง เตรียมตีรถกลับเข้าเส้นทางเดิม กระทันหัน อีตาสามีนั่งข้าง ๆ
คนใจจะวาย โยกมือกุมมือจับข้างประตูแทบไม่ทัน
ละแล้วก็เจอจนได้
ถนนที่ต้องการ Tukwila สายนานาชาติ
แต่เอ...ตอนขับมาคนเดียว เมื่อครั้งก่อน ไม่เห็นจะซับซ้อนอะไรขนาดนี้
คงเป็นเพราะเที่ยวนี้ ใช้ทางออกพิศดารไปนิด ออ ใช่ครับ การขับรถบนทางฟรีเวย์เมกา
ต้องอ่านป้าย หมายเลขทางออก จดจำให้แม่น ไม่เช่นนั้นชีวิตเปลี่ยนแน่แท้
ยิ่งโดนขู่ในหลาย กระทู้ ถ้าไปสายตามเวลานัด
เจ้าหน้าที่จะถือว่าสละสิทธิ์ในวันนั้น เป็นการเพิกเฉยต่อหมายนัด
บรรจบถนนหลักที่ต้องการแล้ว
เริ่มคุ้นสถานที่ สำนักงานด้านพลเมืองอยู่ทางด้านซ้าย เมื่อครั้งก่อนเคยเข้าจอดที่ทางการจัดไว้ให้
เสียค่าจอดไปสองร้อยกว่าบาท สามีบอก หาที่จอดสาธารณะอื่น ขับรถวนหากัน โชคดี
มีที่ว่างข้างมาร์เก็ตร้าง แว่บเข้าจอด ลงรถ แล้วเดินไปสำนักงานไม่ถึงสิบนาที
พอไปถึง
เปิดประตูกระจกบานใหญ่ ในใจคิดไว้ อีกไม่กี่สเต็ปจะต้องมาใช้บริการที่นี่อีก
เพื่อสอบซิติเซ่น และขั้นตอนการสาบานตนเป็นพลเมืองมะกัน ถึงตอนนั้นก็คงอีกนาน
เอาเป็นว่า คอยติดตามบล็อกไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ
ไปถึงเจ้าหน้าที่สาวเบ้ปาก
ยังไม่เปิดให้รับเลขคิว เพราะยังไม่ถึงเวลานัดที่ระบุในจดหมาย หันมาบอกสามี
ที่จริงก็คือนางได้ยินเต็มสองรูหูแล้วหล่ะ ออ...ที่ลากคุณสามีไปด้วย
เพราะว่าในจดหมายระบุไว้ชัด
ถ้าดำเนินการสัมภาษณ์กรีนการ์ดผ่านการสมรสหรือในหมวดครอบครัว
ต้องนำคู่สมรสมาสัมภาษณ์ด้วย
ฝ่ายนั้นทำหน้าตาไม่พอใจ
เหมือนกำลังจะต่อว่า “ก็ตรูบอกแล้ว” เห้อไอ้ฉันก็คิดในใจ “เมิงบอกตรูตอนไหนว่ะ”
ฮ่า ๆ ใช้กระแสจิตโต้เถียงกันเป็นภาษาอังกฤษ เจ้าหน้าที่สาว
บอกชี้ชวนให้ไปนั่งในล็อบบี้รอได้
อีกห้องตรงข้ามมีตู้ขายเครื่องดื่มและสแน็คหยอดเหรียญ เห็นฝ่ายสามีทำหน้ายักษ์
รู้แล้วว่าคงหิว เดินไปหยอดเหรียญเลือกขอกินมีสาระ คิดว่านางคงจะชอบ
ได้สารพัดถั่วอบ ไร้สารปรุงแต่งมาหนึ่งห่อ ฟาดไปเกือบหกสิบบาท
ส่วนฉันได้ของกินมีสารปรุงแต่งเจือ นิด ๆ ไม่ยี่หร่ะครับ เน้นปริมาณไว้ก่อน
หยุดเพิ่มอีก กดโค้กกระป๋องแดงตบท้าย เพื่อให้สามีตำหนิเล่น ๆ ไหน ๆ
ก็โดนตำหนิมาตลอดทั้งไว้แล้ว กินของขบเคี้ยวขยะให้บ่นเพิ่ม
นางจะได้ไม่ไปเหวี่ยงใส่เจ้าหน้าที่ผู้สัมภาษณ์ (กลเม็ดของฉันหล่ะ)
ได้เวลาที่รีเซฟชั่นกำหนด
ไปต่อคิวรับหมายเลข จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสอง ข้างบนนั้น
ไม่มีวี่แววว่าจะมีทางห้องสัมภาษณ์แต่อย่างใด เหมือนเป็นผนังกั้นแน่นหนาไปเสียหมด
พอได้เวลาสัมภาษณ์รอบบ่าย ถึงได้บางอ้อ
ว่ามีประตูทางฝั่งซ้ายของที่นั่งรอสัมภาษณ์
จากการสังเกตคนที่มาสัมภาษณ์
เป็นชาวเอเชียเสียส่วนใหญ่ ใบหน้าค่อนไปทางจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เทือกนั้นครับ
นั่งไปมองคู่โน้นคู่นี้ไป มีบางคู่เอาทนายมาด้วย
อาจเป็นเพราะทำเรื่องเสียตังค์ผ่านสำนักทนาย น่าจะเป็นคู่สมรสเกย์เสียด้วยซิ
เพราะมีแต่ชายล้วน ระหว่างนั่งรอก็แสกนมองซ้ายทีขวาที สามีก็ใช่ย่อย
มาเฉลยทีหลังตอนขับรถกลับบ้าน ถามเราว่าเจอคู่สมรสเกย์กี่คู่?
นั่งรอสักพัก
เจ้าหน้าที่หนุ่ม ผมทอง คิ้วทอง ขนตายังสีทองอีกอ่ะ อย่าหาว่าคิดลึก ขนอื่น ๆ ใต้ร่มผ้าต้องสีทองอีกเป็นแน่
ฮ่า ๆ ขนรักแร้หรอก เอาน๊า ณ เวลานั้น ไม่มีเหลือไว้เผื่อให้คิดสัปดน
หนุ่มเจ้าเรียกนามสกุลของฉัน ต่อด้วยชื่อจริงตามกฎหมาย (สหรัฐฯ)
มีชื่อกลางแถมพ่วงมาด้วย โอโห เต็มยศขนาดนี้ ลุกด่วนเลยครับ พอถึงประตู
แนะนำกับหนุ่มเจ้าให้รู้จักกับคุณสามี จากนั้นหนุ่มเจ้าก็เชื้อเชิญเข้าห้อง
การสัมภาษณ์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่วิตกไว้
ถ้าจะบอกว่า ดูเหมือนคุยกันทั่วไป มียิ้มแย้ม มีหัวเราะ บรรยากาศสบาย ๆ ครับ
แต่เขาคงถูกฝึกมาอย่างนั้น เพราะอาจจะดึงความเป็นธรรมชาติออกมาจากฝ่ายสามีได้
สิ่งที่เขาต้องการจะจับหาคือพิรุธ เพราะเท่าที่หาข้อมูลมา มีหลายกรณีที่ล้มเหลว
เพราะผู้สมัครกรีนการ์ดทำการสมรส จ้างวานชาวเมกันแต่งงานแบบปลอม ๆ
แต่ด้วยคู่ของเรา ความจริงล้วน ทะเลาะกันจริง ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเกือบทศวรรษจริง
ไม่ใช่แสตนด์อิน ไม่ใช้ตัวประกอบครับ
เจ้าหน้าที่หนุ่มออกคำสั่ง
ให้ฝ่ายสามีมะกัน นั่งติดหน้าต่าง แต่ก่อนจะนั่งให้ยกมือขวาทั้งสองคน
สาบานตนว่าจะพูดแต่ความจริงต่อหน้าธงชาติสหรัฐฯ ด้วย โอ้โห ช่างขลังอะไรขนาดนั้น
จากนั้นก็มีการสัมภาษณ์ พอหย่อนก้นลงนั่งก็ขอตรวจใบขับขี่ของทั้งคู่
เจอกันยังไง มีเอกสารอื่นจะนำเสนอไหม
เอกสารเพิ่มเติมมีสำเนาให้ทางเราเก็บเป็นหลักฐานหรือไม่
ฝ่ายคุณสามีเคยเจอครอบครัวฉันกี่ครั้ง บรรยากาศและการยอมรับเป็นอย่างไร
เพราะคู่ของเราเป็นคู่สมรสเพศเดียวกัน
เจ้าหน้าที่หนุ่มคงอยากรู้ว่าได้รับการยอมรับจากทางบ้านหรือปล่าว ฉันกับคุณสามีตอบได้ฉะฉานอย่างมั่นใจ
ไม่มีการอ้ำอึ้ง
เสร็จการสัมภาษณ์
เจ้าหน้าที่หนุ่ม ยื่นเอกสารมาหนึ่งหน้ากระดาษ ใจคอเริ่มไม่ดี
แต่หนุ่มเจ้าก็เกริ่นไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่า ตอนที่ทำเรื่องตรวจร่างกายจากไทยมา
เว้นช่วงไว้นาน จนถึง ณ วันสัมภาษณ์ เอกสารตัวหมดอายุไปแล้ว ต้องดำเนินการตามที่เอกสารระบุไว้
ในหน้ากระดาษ ทำเครื่องหมายกากบาทให้ไปตรวจร่างกาย
ตามที่เคยเขียนไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้
จากนั้นก็ออกมาส่งเราทั้งสอง
ถึงหน้าประตู แล้วกล่าวลา ใช้เวลาไม่นานครับ จะบอกว่าอาบน้ำแต่งตัว ใส่สูทผูกเนคไท
ยังนานกว่าอีก อุตส่าห์วิตกกังวล คืนก่อนหน้า นอนแทบไม่หลับดี
ฝ่ายคุณสามีก็กระตือรือร้นไม่แพ้กัน ทำการบ้านซ้อมตอบคำถาม ตามที่ฉันหาข้อมูลมา
เตรียมตัวกันยังกะลักลอบแต่งงานผิดกฎหมาย แต่สุดท้าย ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
อีกไม่กี่วันหลังจากนั้น
ไปตรวจร่างกาย เสียตังค์เพิ่มอีก หมื่นกว่า ๆ ครับ อยากจะร้องไห้
จนถึง
วันนี้เข้าไปเช็คสถานภาพด้านพลเมือง ระบุได้รับเอกสารแล้ว
แต่กรีนการ์ดยังไม่กระเตื้อง วันจันทร์จะลองส่งจดหมายไปจี้ดูอีกที ให้กำลังใจ
ตามอ่านกันนะครับ
ดึกแล้วทางฝั่งนี้
....ราตรีสวัสดิ์
สามเกลอ
98584- U.S.A.


No comments:
Post a Comment