Thursday, March 23, 2017

ฉันเรียกหลังนี้ว่า...บ้านฤดูร้อน


ต้องบอกก่อนว่าระบบสาธารณูปโภคในตัวเมืองของสหรัฐฯ​ ดีเอามาก ๆ มีระบบระเบียบ และเน้นให้บริการแก่ลูกค้าเป็นหลัก เป็นคำถามแรก ๆ เลยที่พ่อของฉันเขียนจดหมายโต้ตอบกัน เพราะพ่อทำงานการประปาฯ​ พ่อชอบอ่านหนังสือและชอบเดินทางท่องเที่ยว แต่ยังไม่เคยออกนอกประเทศ ได้ยินแต่เสียงรือเสียงเล่าอ้าง จากหลาย ๆ ปาก ก็แน่หล่ะ เมื่อพูดถึงสหรัฐฯ​ ทุกคนก็ต้องนึกถึงภาพของประเทศที่ศิวิไลซ์ เป็นประเทศเกิดใหม่ที่เจริญก้าวหน้าทั้งเทคโนโลยี และการศึกษา รวมถึงความเป็นอยู่ของผู้คน ในทริปแรกเมื่อมาเยือนสหรัฐฯ​ หลายปีก่อน บ้านของสามีอยู่ในตัวเมืองเล็ก ๆ น้ำ ไฟ รวมทั้งก๊าซเชื้อเพลิง ลำเลียงผ่านท่อส่งใต้ดิน ผ่านมิเตอร์ จ่ายพลังงานแจกจ่ายแก่ประชาชน


ผลบลูเบอร์รี่หลังบ้าน ออกผลในช่วงเดือนกรกฎาคม 

ในตอนนั้นความสนใจไม่ได้อยู่ที่เรื่องของสาธารณูปโภคสักเท่าไหร่ จึงไม่ได้ใส่ใจศึกษารายละเอียดมากนัก แต่จะว่าไป ขนาดตอนนี้เอง มีธงชัยตั้งหลักปักฐานชัดเจน ก็ยังไม่ได้สนใจอย่างที่ควร รู้แต่เพียงว่า บ้านที่ย้ายมาอยู่นั้น สามีซื้อไว้ก่อนหน้าแล้ว เมื่อหลายปีก่อน เพราะค่าที่ดินราคาถูก เนื้อที่บ้านกว้างเป็นป่า ต้นสนใหญ่เรียก Cedar ตระหง่านอยู่หน้าบ้าน เป็นเอกลักษณ์​ และที่สำคัญบ้านไม้ทำจากซุงทั้งท่อน ภาพที่สามีส่งมาให้ดูระหว่างที่ฉันอยู่ไทย ก็ได้แต่จินตนาการ เหมือนเนื้อที่จะน้อย มองผ่าน ๆ มันคือกระท่อมทรงสามเหลี่ยมธรรมดา แต่เมื่อเข้าไปดูข้างใน สามี ตกแต่งอย่างดี มีการกั้นแบ่งชั้นเป็นสัดส่วน เนื้อที่ใช้สอยก็เยอะสำหรับอยู่กันสองคน สมเหตุสมผลดี



ภาพถ่ายจากหน้าต่างบนบ้าน ด้านหน้าบริเวณทางเข้าบ้าน ต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือของภาพ แต่ไม่เห็นชัดเจน 

เนื้อที่บ้านด้านหลังเป็นป่า ต้นไม้ที่ขึ้นเป็นไม้พื้นเมืองคือต้น Alder และ Maple ในฤดูหนาวจะใช้ฟืนจากต้น Alder เหล่านี้ ยัดเข้าเตาผิงให้ความอบอุ่นภายในบ้าน ในช่วงฤดูร้อน เป็นช่วงที่สนุกสนานกันใหญ่สำหรับฉันและคุณสามีจะทำหน้าที่ตัดโคล่นต้นไม้ลง และแบ่งเป็นท่อน ๆ ส่วนฉันมีหน้าที่ขนถ่ายมาใกล้ ๆ กับบริเวณเก็บฟืน มีขวานเป็นอาวุธ เตรียมผ่า เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ดีเยี่ยมอีกวิธีหนึ่ง
เตาผิงที่บ้านเป็นลักษณะเหมือนเตาอบเหล็กขนาดกลาง ไม่ใหญ่มากเหมือนปล่องไฟ ใช้ฟืนน้อย แต่ให้ความร้อนอย่างคุ้มค่า ในฤดูหนาวปรกติจะจ่ายค่าไฟฟ้าเยอะ เป็นช่วงฤดูที่ชาวอเมริกันใช้พลังงานเยอะ เพราะต้องจ่ายค่าเครื่องทำความร้อน ทั้งต้มน้ำ  อย่าเพิ่งเขำเป็นเล่นไปนะจ๊ะ ที่นี่เค้าต้มน้ำกันจริง ๆ เพราะอุณหภูมิเรียกได้ว่า ถ้าอยู่ ในฤดูหิมะ ท่อน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง ไม่มีน้ำใช้กันเลยทีเดียวครับ 


เดวิดนั่งตากแดดริมหน้าต่างห้องสมุด อ่านหนังสือ

นอกจากนั้นเตาผิงยังให้กระแสไออุ่นภายในบ้าน เรียกได้ว่าความร้อนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตของคนอเมริกัน เพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาว ยิ่งในแถบฝั่ง Northwest จะฝนตกชุก และอากาศหนาว ในรัฐ Washington อยู่ติดกับประเทศแคนาดา ทำให้อากาศแถบนี้หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี
บ้านที่คุณสามีซื้อไว้ ถ้าจะบอกว่าใช้น้ำบาดาล Artesian Springs จะตื่นตกใจกันไหม ใช่...ตัวฉันเองยังตกใจเลย กับประเทศพัฒนาสุดขั้ว อย่างสหรัฐฯ​ แต่คุณสามียังใช้น้ำใต้ดิน ยังกะบ้านนอกที่ฉันจากมาเสียอย่างนั้น แต่ตรงกันข้าม ในมุมมองของคนสหรัฐฯ​ เอง คนที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์จากธรรมชาติ เรียกได้ว่าน้ำใต้ดินบริสุทธิ์อย่างนี้ เป็นเรื่องที่คนอเมริกันหลายคนใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง แต่ความเป็นจริงแล้วหลายคนต้องทำงาน และจ่ายเงินรายได้ส่วนใหญ่ไปกับวัตถุที่ครอบครอง และเป็นหนี้กัน ถ้าจะถามว่าใครไม่เป็นหนี้บ้างในสหรัฐฯ​ คงหาได้น้อยรายทีเดียว โชคดีที่บ้านคุณสามีซื้อไว้บ้านหลังนี้ จ่ายด้วยเงินสด ไม่ต้องเป็นหนี้ และทยอยจ่ายในแต่ละเดือน นี่ซิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นคุณสามีอินดี้ตัวจริง สวนกระแสคนส่วนใหญ่


ในกลางเมืองมีจัดตู้ขบวนรถไฟโบราณ ตั้งอยู่ด้านหน้าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง ตึกซ้ายมือคือไปรษณีย์​

ค่าน้ำที่บ้านไม่ต้องจ่าย หายห่วงไปหนึ่งเปราะ จ่ายแต่ค่าไฟประจำเดือน
ออ...​ไม่ต้องห่วงสารปนเปื้อนหรือเชื้อโรคที่อยู่ในแหล่งน้ำ เพราะหลายปีก่อน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาค่าความบริสุทธิ์​ อยู่ในเกณฑ์เกินความพอใจ อากาศที่นี่ก็ผุดผ่องสะอาด เพราะมีต้นไม้เต็มพื้นที่ มีกระแสลมจากทะเล ช่วยสร้างระบบหมุนเวียน เรียกได้ว่า บ้านน้อยหลังนี้เป็นแหล่งพักฟื้นจากเมืองใหญ่อย่างดี ใครที่ต้องการแหล่งน้ำ และอากาศที่บริสุทธิ์หล่ะก็​ เป็นสวรรค์ย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ 


ขับรถออกไปเที่ยว ชมวิวสนสองข้างทาง 

ไม่แน่ใจว่าบ้านอื่นเค้าจ่ายค่าน้ำกันไปกี่เหรียญ แต่ที่แน่ ๆ เดือนนี้บิลล์ค่าไฟมา 93 ดอลล่าร์​ ตีค่าเป็นเงินบาท ก็เกือบราว ๆ สามพันกว่า
ว่าแล้วก็ขอเขียนเช็คแชร์ค่าไฟกับคุณสามีซะเลย .....​

สามเกลอ 



No comments:

Post a Comment