ข้าว
ผลิตผลจากสรวงสวรรค์
![]() |
| credit: bangkokpost.com |
วิถีชีวิตของไทยรวมไปถึงผู้คนในแถบภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
ผูกพันเกี่ยวโยงกับข้าวมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานมาแล้ว
สมญานามดินแดนบนเปลือกโลกนี้ว่า “สุวรรณภูมิ”
ในสังคมไทยมีตำนาน/นิทาน/เรื่องเล่า
ความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับเมล็ดข้าวพราวอร่ามไว้หลากหลายเรื่อง
โยงขึ้นสู่ชั้นฟ้ามหาเทวาลัย โดยมีการเล่าขานสืบต่อกัน (อ้างถึงใน ขวัญข้าว
ขวัญเรา, ถนอมวงศ์ ล้ำยอดมรรคผล บก., มูลนิธิเด็ก, 2557)
เมื่อก่อนสรวงสวรรค์กับโลกมนุษย์อยู่ใกล้กันเพียงชั้นฟ้ากั้น โดยมีเทพธิดาโพสพ
เป็นผู้ปกปักรักษา วันหนึ่งสะพานสายรุ้งทอดยาวลงเชื่อมสวรรค์กับพื้นโลก
เมล็ดข้าวเท่าลูกมะละกอร่วงลงสู่พื้นโลกมนุษย์ แรก ๆ มนุษย์ก็รักษาไว้เป็นอย่างดี
จนมีเรื่องให้งอนง้อกันระหว่างพระแม่โพสพกับมนุษย์
เป็นเหตุให้เรียกข้าวเมล็ดโตนั้นคืน มนุษย์โลกเฝ้าขอวิงวอนให้โปรดนำข้าวกลับมาปลูกบนพื้นโลกมนุษย์อีกครั้ง
จากเมล็ดข้าวทั้งเจ็ด ผ่านเวลาหลายชั่วอายุคน
จนกลายเป็นทุ่งรวงทองเหลืองพราวอร่ามเรืองรอง ผู้คนได้ใช้กินเป็นอาหารหลัก
มีชีวิตอยู่เต็มเปี่ยมสุข
ในอุดมคติผูกความเชื่อจากตำนานข้างต้น
‘ประเพณีแรกนาขวัญ’
ในไทยจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นการบูชาพระแม่โพสพ
ก่อนหน้าพิธีพราหมหนึ่งวันเป็นส่วนของพิธีพุทธ
สองพิธีกรรมจากฝ่ายพุทธศาสนาและฮินดู
ชี้ให้เห็นรากลึกขนบวัฒธรรมของผู้คนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยด้วยกัน
ในวันพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ประชาชนโดยส่วนใหญ่แล้วที่เป็นลูกหลานกสิกร นั่งรอเรียงรายเกาะรั้วกั้น
เพื่อรอเวลาที่ทหารและตำรวจในส่วนพิธีล้มรั้วกั้นชั่วคราวลง
เมื่อเสียงแตรสังข์และกลองมโหระทึกสิ้นเสียง
ประชาชนมากหน้าต่างวิ่งกรูเข้าไปยังลานดินทรายที่ทำพิธีเบิกไถหน้าดินและหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้
ทุกคนสับขาให้ทันกัน วิ่งแทรกตัวเข้าจับจองพื้นที่เก็บเมล็ดข้าวตักใส่ถุงที่เตรียมมา
อากาศร้อนอบอ้าวไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวเหล่านั้นเลย
ทุกคนคอยระมัดระวังพื้นที่ของตนไว้ไม่ให้ใครเข้ามารุกล้ำ จวบจนสักพักเม็ดเหงื่อเริ่มย้อยเคล้าซึมบนดินทรายผสมปนกันไปกับเมล็ดข้าว
ผู้คนเริ่มส่งเสียงพูดคุยกัน ขณะที่ต่างคนต่างก้มหน้า!
คนกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันอย่างออกรสพร้อมเสียงหัวเราะท่ามกลางแสงแดดระอุ
ฉันละสายตาจากพื้นดิน มองไปยังหญิงชายวัยกลางคนกลุ่มนั้น มือของทุกคนต่างกวาด
คุ้ยหาเมล็ดข้าว ตักใส่ในถุง นั่งยอง ๆ ก้มหน้าปล่อยให้เม็ดเหงื่อสาบคาวหยดลงพื้นเป็นระยะ
จับใจความได้ว่าหลายคนในกลุ่มนั้นมาจากภาคอีสานเช่นกัน แน่หล่ะ...ก็ทุกคนในกลุ่มใช้ภาษาอีสานสื่อสารกัน
ทุกหวังมาโกยเมล็ดข้าวไปปลูกในพื้นที่นาของตัวเองและญาติพี่น้อง
“ข่อยเป็นตัวแทนของหมู่บ้านเลยเด้นิ”
หญิงแก่คนหนึ่งเว้าภาษาอีสานอย่างภาคภูมิใจ พร้อมยกถุงโชว์
ในนั้นเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวนับร้อย
“เป็นตาออนซอนแท้เจ้า”
ทุกคนส่งเสียงตอบรับแสดงความอิจฉา แต่ไม่ยักกะมีใครเงยหน้ามามองแม่เฒ่า
แม้แต่ปรายตาเดียว!

No comments:
Post a Comment