ผสานก้าวยิ่งใหญ่ ของศิลปินแห่งชาติ
ผู้เขียนขอยกบางย่อหน้าจากงานเขียนของประภัสสร
เสวิกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณกรรม
“การก้าวหน้าหรือล้าหลัง
มันอยู่ที่จิตใจมากกว่าวัตถุ อยู่ที่ความคิดของเรามากกว่าสิ่งที่เราเห็นด้วยสายตา
ผมเชื่อว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เป็นความปรารถนาของมนุษย์ทุกคนก็คือความสงบสุข
ต่อให้ก้าวไปไกลแค่ไหน ในที่สุดก็จะต้องหวนกลับมาสู่งสิ่งที่เป็นความจริงแท้ของชีวิต
และสิ่งที่เป็นธรรมชาติซึ่งไม่ถูกตกแต่งบิดเบือนไป” ย่อหน้าที่ 6 หน้า 74
จากนวนิยายเรื่อง ลานมยุเรศ (พิมพ์ครั้งที่ 5, 2557)
ข้างต้นเป็นเพียงบางย่อหน้าที่ผู้เขียนชื่นชอบและพอเดาได้ว่าชายผู้นี้มีวิธีการมองโลกที่หยั่งลึกถึงรากเหง้าแห่งประวัติศาสตร์
จากการสั่งสมประสบการณ์ จากการเดินทางหลายต่อหลายประเทศทั่วโลกในฐานะนักการทูต
กระบวนทัศน์เพื่อมองโลกและความเชื่อของตัวศิลปินได้รับการบ่มเพาะจากแหล่งอารยธรรมโลกหลายแห่ง
และสุดท้ายแล้วมันได้หล่อหลอมมุมมองจากโลกกว้างสู่โลกวรรณกรรมผ่านตัวอักษรของชายแก่ผู้นี้
หนทางแห่งการเป็นศิลปินแห่งชาตินั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
มันทั้งต้องใช้ระยะเวลาและความเพียรพยายาม
เรียงร้อยตัวอักษรแต่ละตัวเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ถักทอเหตุการณ์ให้เกิดเป็นเรื่องราว
ทั้งยังต้องสะท้อนค่านิยมอะไรบางอย่าง
เพื่อบอกต่อแก่ผู้อ่านและสังคมให้เกิดการตระหนัก สู่การเปลี่ยนแปลงต่อไป
หนังสือนวนิยายเรื่อง ‘ลานมยุเรศ’ นี้เป็นหนังสือที่ตัวฉันได้ขึ้นไปร่วมกิจกรรมตอบคำถามบนเวทีชิงมันมาพร้อมลายเซ็นต์ของนักเขียน
จนชนะคว้ามาอ่านได้ในที่สุด
อยากจะบอกว่าใช้เวลาเพียงหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเท่านั้น
อ่านจบตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย เนื้อหาในหนังสือฉันไม่ขอวิจารณ์ ด้วยประหนึ่งว่าเปรียบงานเขียนชิ้นนี้เป็นผลงานทางศิลปะ
สำหรับให้ผู้รับสารแต่ละคนใช้ความเป็นปัจเจกตีความแห่งสุนทรียภาพด้วยตัวเอง บางคนอาจจะแค่ชอบแค่ครึ่งหนึ่งของหนังสือเหมือนฉันก็เป็นได้...อุ๊ปส์
ด้วยความหนากว่า 360 หน้ากระดาษ
อะไรเล่าเป็นแรงกระตุ้นมหาศาลให้ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบภายในระยะเวลาไม่นาน
คงเป็นเพราะความประทับใจต่อตัวศิลปินนักเขียนที่จรดลายเซ็นต์ บรรจงจารึกอักขระ
ส่งความปรารถนาดีพร้อมระบุชื่อฉันผ่านปลายปากกาหมึกซึมสีน้ำเงิน ฉันจ้องมองนักเขียนด้วยความเลื่อมใส
ภาพตรงหน้าคือท่านบรรจงจรดปลายปากกา โค้งแนวกระดูกสันหลังอันแก่งอม
ก้มมองร่องน้ำหมึกทีละเส้นอย่างละเอียดละออ อีกมือหนึ่งกุมหน้าปกหนังสือให้เปิดออก
เขียนเสร็จแล้วส่งมอบแก่ฉันพร้อมระบายยิ้มที่มุมปาก เล็ก ๆ
ผู้เขียนรับมาด้วยหัวใจอันพองโต นึกในใจ... นี่ซินะ พลานุภาพแห่งน้ำหมึก
No comments:
Post a Comment