Wednesday, May 21, 2014

กรุ่นกลิ่นอินเดีย ในพาหุรัด



กรุ่นกลิ่นอินเดีย ในพาหุรัด 


ฉันก้าวเท้าลงจากรถเมล์สายบริการประชาชนตามนโยบายภาครัฐ ต้องขอขอบคุณอย่างเป็นทางการสำหรับการสนับสนุนการเดินทางในทริปนี้...ปรบมือ ฮ่าฮ่า ช่วงแรกยังไม่ค่อยได้กลิ่นสัมผัสความเป็นอินเดียเท่าใดนัก มีก็เพียงชายแก่ขนเคราดกขาว ใส่ชุดนอนยาวสีขาวกรอมศอก เดินพ่นควันบุหรี่ส่งกลิ่นฉุน ๆ แปลกพิลึก
ภารกิจวันนั้นคือซื้ออุปกรณ์ทำงานปัก ต้องใช้ดิ้นเงินแบบข้อ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าต้องหาซื้อที่ไหน แต่คาดว่าที่พาหุรัดจะตอบโจทย์ในการหาอุปกรณ์งานผ้าได้ครบ หลังจากแทรกตัวเข้าตรอกเล็ก ๆ ด้านหลังตึกอาคารพานิชย์ ย่านนี้เองเรียกกันติดปากว่า “ตรอกแขก” กลิ่นน้ำคล่ำดำ ๆ เหม็นเน่า เคล้ากลิ่นเครื่องเทศโชยเตะจมูกเข้าอย่างจัง โอ้ว...ถึงแล้ว ลิตเติ้ลอินเดีย
ย่านชุมชนชาวอินเดียในตรอกแขกนี้ คนอินเดียจากหลายภาคได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาหลายชั่วอายุคน ลูกหลานบางคนพูดภาษาไทยคล่องปรื๋อ แต่บางคนก็พูดไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ครั้งที่ผู้เขียนยังไม่เคยย่างกรายเข้าประเทศอินเดีย ก็แอบคิดว่าในใจว่าผู้คนในย่านนี้ทนอยู่กับสภาพแวดล้อมแย่ ๆ อย่างนี้ได้เช่นไร??? แต่เมื่อได้ไปยังประเทศแม่ ดินแดนอู่อารยธรรมโลก จะพบว่าความจริงนั้นแย่กว่าที่เห็น กลิ่นเหม็นกว่าชุมชนตรอกแขก กว่าหลายเท่า
การย้ายที่พำนักจากถิ่นแดนภารตะมานั้น ชาวอินเดียไม่ได้นำแค่ผ้าเป็นพับ ๆ ติดมาขายด้วย แต่ยังอุตส่าห์จำลองกลิ่นต่าง ๆ ในอินเดียมาด้วย เหอะ ๆ (อันนี้ผู้เขียนหยอกล้อเจ็บ ๆ หรอกนะ) การจากมาส่วนใหญ่คือการมาทำการค้าขาย เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง บางคนเพิ่งเดินทางมาขายของได้ไม่นาน สังเกตจากสำเนียงไทยทะแม่งหู หน้าตาของชาวอินเดียด้วยลักษณะโครงหน้า สีผิว บวกกับการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แยกชัดจากคนในท้องถิ่นได้ไม่ยากเลย
ในตรอกแคบ ๆ แห่งนี้มีร้านอาหารอินเดียให้เลือกชิมสองสามร้าน บางร้านมีขนมหวานแบบอินเดียของแท้จัดใส่ตู้กระจกโชว์ให้ลิ้มรสตามใจชอบ ทำให้นึกเล่น ๆ ในใจ จะมีสักกี่คนที่ทำขนมหวานได้ครบเกือบทุกชนิดอย่างนี้ น่าทึ่ง คงจะเหมือนกับคนไทยที่ก่อนจะย้ายภูมิลำเนาไปยังประเทศอื่น ผู้คนเหล่านั้นคงต้องนำวิชาการทำอาหารติดตัวไปด้วย เพราะนี่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ แต่ใครเล่าจะเป็นลูกค้า? นอกจากคนที่อยากทดลองอาหารแปลกใหม่ ใช่แล้ว... ก็ขายให้กันเองไง
หากใครไม่สะดวกแวะร้านอาหารในตรอกแคบจะเลือกขึ้นไปบนห้าง ใกล้กันบนชั้น 4 มีอาหารอินเดียให้เลือกสองสามร้าน แล้วแต่ผู้อ่านว่าอยากจะทดสอบความอร่อยในแบบฉบับอินเดียจากภาคไหน ถ้าจะกล่าวไปแล้ว ผู้ที่เลือกขายอาหารประจำชาติของตนต้องคลุกคลีกับพ่อแม่ตายายฝึกปรือการทำอาหารมาเป็นอย่างดี ถึงจะมั่นใจเปิดร้านอาหารให้คนอื่นได้ซื้อกิน
ถ้าไม่นับรวมชาวอินเดียที่อยู่กันเป็นส่วนน้อยของชุมชนบนถนนพาหุรัดแล้ว จะมีคนไทยสักกี่คนที่ถูกปากกับอาหารอินเดียเท่าอาหารไทย ในคอนเซ็ปต์ที่เหมือนกัน หากคนไทยไกลแดนบางกลุ่มไปอยู่ยังสหรัฐอเมริกา อาหารไทยก็คงเป็นที่ต้องการของต่อมประสาทลิ้นของกลุ่มคนไทยกันเอง ซินะ
ว่าแล้วผู้เขียนขอตัวไปลงเรียนคอร์สอาหารไทยแก้เลี่ยนแกงกะหรี่ไว้ก่อนดีกว่านะ บ๊ายยย

No comments:

Post a Comment